ประโยชน์ที่ลูกค้า K-Mobile Banking ของธนาคารจะได้รับ
1. ความสะดวกสบายในการใช้งาน
จากการให้บริการที่หลากหลายของ K-Mobile Banking เหมือนกับการทำธุรกรรมผ่านทางเคาน์เตอร์ของธนาคารโดยตรง ได้แก่ บริการเช็คยอดเงินในบัญชีหรือบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการโอนเงินภายในบัญชีธนาคารกสิกรไทย และโอนเงินต่างธนาคาร บริการชำระค่าสินค้าหรือบริการ เป็นต้น ความสามารถที่หลากหลายนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินและผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกในกระบวนการชำระเงินกับธนาคารให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าลดความต้องการในการถือเงินสดลงไปอีกด้วย
2. ความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน
ธนาคารกสิกรไทยมีการพัฒนาความสามารถของ K-Mobile Banking อย่างต่อเนื่องรวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการโจรกรรมข้อมูลทางการเงินของลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง อย่างเช่น การร่วมมือกันระหว่างธนาคารกสิกรไทย กับ DTAC เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยการใช้ ATM SIM ซึ่งจะใช้รหัสส่วนตัว 4 หลักของลูกค้า และ SIM Card ร่วมกับเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการระบุถึงตัวตนของลูกค้าก่อนที่จะทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
3. ประโยชน์ส่วนบุคคล
ธนาคารกสิกรไทยได้จัดรายการพิเศษต่างๆ ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ K-Mobile Banking อยู่เสมอ อย่างเช่น member-get-member campaign ซึ่งลูกค้าจะได้รับการสมนาคุณพิเศษจากธนาคารและผู้ค้าที่เกี่ยวข้อง และยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการรับข้อมูลของผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร รวมทั้งสามารถเป็นกระเป๋าเงินส่วนบุคคลบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพราะสามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา
ผลกระทบจากการนำเทคโนโลยี K-Mobile Banking มาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารกสิกรไทย
ประโยชน์ที่ธนาคารกสิกรไทยได้รับ
1. เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้
เนื่องจากในปัจจุบันแนวโน้มของการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังในตารางข้างต้น ซึ่งอ้างอิงจากรายงานไตรมาสของผู้ให้บริการเครือข่าย จะเห็นได้ว่า ทางธนาคารกสิกรไทยจึงสามารถขยายฐานลูกค้าจากการนำเทคโนโลยี K- Mobile Banking มาใช้สร้างรายได้ให้กับธนาคารได้ทั้งจากค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่บ่อยครั้งขึ้น และยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่จากเทคโนโลยี Mobile Marketing ซึ่งเป็นการทำธุรกิจบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้อีกด้วย
2. เพิ่มประสบการณ์ทางธุรกรรมทางการเงินแบบใหม่ให้กับลูกค้า
ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารแห่งแรกที่นำเอาเทคโนโลยี Mobile Banking มาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้รูปแบบ one stop service บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า และช่วยให้เพิ่ม Customer Loyalty รวมทั้ง Brand Awareness ของธนาคารอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสามารถประเมินได้จากข้อมูลด้านล่างนี้ที่แสดงถึงแนวโน้มในการลงทะเบียนเพื่อใช้งาน K-Mobile Banking ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
3. ลดต้นทุน
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนจากการนำเทคโนโลยี Mobile Banking มาช่วยเพิ่มช่องทางในการทำธุรกรรมของธนาคารกสิกรไทย คือ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทางการบริการต่างๆ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ของสาขาที่ให้บริการ รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการเก็บรักษาข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้า และต้นทุนในการสร้าง platform ที่หลากหลาย เนื่องจาก K-Mobile Banking สามารถใช้งานได้ทุกรุ่นและทุกระบบของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตลอด 24 ชั่วโมง
ทิศทางในอนาคตของ K-Mobile Banking
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่และสื่อทางด้านอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตที่มีการรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลายเช่นกัน ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันนอกจากปัจจัย 4 จนแทบจะถือได้ว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต และเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย ได้เล็งเห็นช่องทางใหม่ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ผ่านทางช่องทางใหม่ๆเหล่านี้ โดยเฉพาะผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันสำหรับผู้คนในปัจจุบัน ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจึงได้ตระหนักถึงอุปสรรคต่างๆ ที่มีผลต่อการขยายการใช้งานผ่านช่องทางนี้ รวมทั้งสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ในการรองรับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยการสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรให้มากขึ้นทั้งทางภาครัฐและเอกชน โดยมีบทกฎหมายและการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการทำธุรกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศด้วยการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย ธนาคาร ฯ จึงให้ความสนใจในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน และแถบเอเชีย พร้อมทั้งมีความใส่ใจต่อลูกค้าด้วยการตระหนักถึงภาระค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทางการเงินให้เหมาะสมและเป็นธรรมต่อลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย