คำชี้แจ
1. บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานธุรกิจเพื่อนประกอบการเรียน วิชา คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจเบื้องต้น
2. บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเพื่อการเรียน และเพื่อผู้ที่สนใจ ไม่มีเจตนาใดแอบแฝง
3. บล็อกนี้จัดทำขึ้นโดยนิสิตคณะการท่องเที่ยวและการจัดการโรงแรมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อนำส่งอาจารย์ประจำวิชาและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจในระบบสารสนเทศ
4. ขอขอบคุณธนาคารกสิกรไทย สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจ ขอขอบคุณเว็บไซท์ต่าง ๆ ที่นำเสนอ ข่าว บทความ ที่น่าสนใจ เกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ขอขอบคุณอาจารย์วีระวัฒน์ มะเสนา ที่มอบหมายงานมาทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ขอขอบคุณอาจารย์วิชิต ชาวะหา สำหรับคำปรึกษาที่ดีในการนำเสนอข้อมูล และการสร้างบล็อก
5. ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของเรา
6. หากท่านจะเสนอความคิดเห็น โปรดใช้คำพูดที่สุภาพ
7. การหาข้อมูลอยู่แถบด้านขวา คลิกตามหัวข้อที่ต้องการอ่าน

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

- ระบบ EAI หรือ เว็บเซอร์วิส (Web Services) 1

โครงสร้างไอทีของกสิกรไทย
วิสัยทัศน์ทางไอทีของกสิกรไทย วิสัยทัศน์ของงานส่วนวิศวกรรมระบบงานสารสนเทศนั้น มีเป้าหมายเพื่อสร้างและพัฒนาระบบสารสนเทศให้กับธนาคาร รวมไปถึงเรื่องการดำเนินงาน สนับสนุนข้อมูล โดยฝ่ายสนับสนุนงานธนาคารนั้นจริงๆ แล้วมี 11 ฝ่าย แต่แยกเป็นสายไอทีเพียง 6 ฝ่าย คือ ฝ่ายวิจัยและพัฒนากระบวนการทำงาน ฝ่ายนี้จะเน้นไปทางเรื่องการทำกระบวนการทำงานของธนาคาร เรื่องการจัดการเทคโนโลยี การจัดซื้อจัดหาเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับฝ่ายงานส่วนอื่นๆ
สำหรับฝ่ายที่สองคือ ฝ่ายวิศวกรรมระบบงานสารสนเทศ มีภารกิจหลักคือการสร้างแอพพลิเคชัน จะนำเทคโนโลยีที่ฝ่ายแรกจัดหามาใช้งาน รวมถึงคอยดูแลระบบงาน เช่น งานบางส่วนที่เอาต์ซอร์สออกไปให้เวนเดอร์ทำ ฝ่ายนี้จะต้องดูแลให้เวนเดอร์ทำได้ตามมาตรฐาน ทางกสิกรไทยเรียกมาตรฐานนี้ว่า System Development Life Cycle Standard หรือ SDLC
งานส่วนที่สามของฝ่ายไอทีคือ ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนนี้เป็นทีมสร้างโครงสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเน็ตเวิร์ก ซิสเต็มโปรแกรมเมอร์ หรือการใช้ทูลสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลาย และฝ่ายที่สี่คือ ฝ่ายประมวลผลระบบงานสารสนเทศ เป็นฝ่ายวิจัยและศึกษาเทคโนโลยี ทั้งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน หรือที่พัฒนาใหม่ สำหรับควบคุมการจัดวางงบประมาณทั้งหมดของเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทั้ง 4 ฝ่ายนี้ มีผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเป็นผู้ดูแล แต่อีก 2 ฝ่ายจะขึ้นตรงกับรองกรรมการผู้จัดการ คือ ฝ่ายความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งทำหน้าที่กำหนดนโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัย อินเทอร์เน็ตแบงกิง และฝ่ายสุดท้ายคือ ฝ่ายส่งเสริมการปฏิบัติการ ที่จะคอยรวบรวมข้อมูลในการอิมพลีเมนต์ ติดตามผลการปฏิบัติงาน มีการทำ Operation Ready Test หรือ ORT ซึ่งคือการพัฒนาแล้วทดสอบเตรียมพร้อมใช้งาน และยังรวมส่วนสนับสนุนหรือ Helpdesk ด้วย งานส่วนต่างๆ เกิดจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีต่อภาพรวมของระบบทั้งหมด อันกลายมาเป็นกลยุทธ์ของสายงานไอที
 การพัฒนากลยุทธ์ของกสิกรไทย
ปัจจุบันธนาคารได้พัฒนากลยุทธ์ขึ้นมา เรียกว่า Balance Score Card หรือ BSC ซึ่งในนั้นจะมียุทธศาสตร์อยู่ 14 กลยุทธ์ แต่ว่าทางฝ่ายสายงานระบบเองมีกลยุทธ์ที่จะไปสนับสนุนยุทธศาสตร์นั้นใน 3 ประเด็นคือ Increase Operational Efficiency เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อันที่สองคือเรื่อง Improve IT Capability พัฒนาขีดความสามารถของการทำงานบนเทคโนโลยีสารสนเทศ และสุดท้ายคือ Achieve Information Sufficiency Stage สร้างความพร้อมทางด้านข้อมูล การจัดการเกี่ยวกับธุรกิจ ซึ่งกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ จะเข้าไปสร้างภาพที่ชัดเจนให้กับ Score Card ความต้องการของลูกค้า และส่วนงานปฏิบัติการ
จุดมุ่งหวังใหญ่ของฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อยุทธศาสตร์หลักของธนาคารกสิกรไทยนั้น ภาพรวมที่ชัดเจนคือ ต้องการเรื่องของการปฏิบัติงาน นวัตกรรมใหม่ๆ เทคโนโลยีการเรียนรู้ และการฝึกอบรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งเราโฟกัสที่การปฏิบัติการ และอีเลิร์นนิ่ง ซึ่งเราเชื่อว่าจะเข้าไปเชื่อมกับเป้าหมายหลักของ Score Card ได้ จากเป้าหมายของเรา ทำให้เราพยายามที่จะให้ระบบงานต่างๆ ทำงานอัตโนมัติมากขึ้น เช่น โครงการอีเปย์เมนต์ (e-Payment) หรืออย่างอินเทอร์เน็ตแบงกิง ถ้าเป็นเรื่องของการสนับสนุนความพร้อมด้านเทคนิคและเรื่องข้อมูลนั้น เราจะสร้างโมเดลใหม่ส่วนดาต้าแวร์เฮ้าส์ เราพยายามจัดเก็บข้อมูลลูกค้าจากเอกสารให้มาอยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น หรืออย่าง CRM ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานด้านธุรกิจของลูกค้า
พยายามที่จะย่นกระบวนการเช่น การอนุมัติเครดิตของลูกค้า ให้เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น เพื่อร่นเวลา หรืออย่างเรื่องการตามหนี้ที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เพื่อค้นหาได้ว่าปัจจุบันกระบวนการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งอันนี้จะไปเสริมกลยุทธ์ข้อที่สาม คือความพร้อมทางด้านข้อมูล ซึ่งบางครั้งทำให้เราต้องกลับมาคิดถึงว่า ทำอย่างไรให้ขีดความสามารถของการทำงานเพิ่มขึ้น” 




- ระบบ EAI หรือ เว็บเซอร์วิส (Web Services)

ระบบ EAI (Enterprise Application Integration)
เว็บเซอร์วิส เทคโนโลยีการอินทิเกรตข้อมูลระดับโลก จะเข้ามาช่วยเหลืองานบริการของธนาคารได้อย่างไร เว็บเซอร์วิสจะเข้าไปอยู่ส่วนใดกันแน่ และผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับที่ลงทุนไปหรือไม่ ธนาคารกสิกรไทย ผู้ริเริ่มโครงการ EAI น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังสนใจเทคโนโลยีใหม่นี้
คุณเคยรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้ที่คุณนำเงินไปฝากธนาคาร เงินในรูปธนบัตรของคุณจะถูกเปลี่ยนไปให้อยู่ในรูปของเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นตัวเลขในฐานข้อมูลของธนาคาร เมื่อใดที่คุณต้องการถอน สิ่งที่ธนาคารทำคือการเข้าไปค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูล เพื่อดูจำนวนเงินที่คุณสามารถถอนได้ หรือหากคุณต้องการกู้เงิน เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะค้นหาประวัติทางการเงินของคุณ พร้อมกับขอข้อมูลการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่างๆ นานา ที่จะช่วยตัดสินใจได้ว่า คุณจะได้รับเงินกู้ก้อนนั้นหรือไม่ สิ่งที่เรากำลังกล่าวถึงคือ การทำงานของธนาคารที่เริ่มจากงานง่ายๆ คือ ฝากเงิน และยากขึ้นเรื่อยๆ ขั้นตอนที่ยกตัวอย่างมานี้ ฟังดูอาจเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณก็น่าจะเข้าใจดี ระยะเวลาการกู้เงินครั้งหนึ่ง กว่าที่ธนาคารจะพิจารณาเงินกู้ได้กลับใช้เวลาหลายสัปดาห์
นั่นเป็นเพราะระบบส่วนใหญ่ภายในธนาคารต่างคนก็ต่างจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญของตนไว้ ฝ่ายบริการลูกค้าจะเก็บข้อมูลการเดินบัญชีของลูกค้า ประวัติการใช้จ่ายต่างๆ ส่วนฝ่ายบัตรเครดิตก็จะจัดเก็บข้อมูลการใช้บัตร ซึ่งหลายครั้งที่งานแต่ละอย่างจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของหลายๆ ฝ่าย และคงจะไม่เป็นไรหากธนาคารมีหน่วยงานเพียง 2- 3 หน่วยงาน แต่นั่นแหละคือปัญหา ในความเป็นจริงแล้วธนาคารแต่ละแห่ง มีหน่วยงานภายในมากมาย การประสานงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดจึงทำได้ยาก ยิ่งจากสภาพในปัจจุบันที่ธนาคารต่างๆ เร่งนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเพื่อให้บริการออนไลน์ ให้ลูกค้าได้ทำธุรกรรมการเงินได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน เจ็ดวันต่อสัปดาห์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เกิดการไหลของข้อมูลมากขึ้นตลอดเวลา ปัญหาในตอนนี้คือ จะทำอย่างไรให้สามารถบริการได้อย่างรวดเร็ว ให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ธนาคารกสิกรไทย ก็เป็นอีกธนาคารหนึ่งที่ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาระบบบริการลูกค้าให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้บริหารของธนาคารกสิกรไทยเองก็มีแนวคิดที่จะนำเทคโนโลยีเว็บเซอร์วิสเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น

- ระบบสื่อดิจิตอล (Digital Media Signage -DMS)


ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขายของรีเทลแบงค์กิ้งที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ภายใต้โครงการสมาร์ท มีเดีย เพื่อติดตั้งตามสาขาธนาคารทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ทั้งนี้เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า อีกทั้งประหยัดค่าใช้จ่าย
ปัจจุบันการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ธนาคารต้องออกบริการใหม่และจัดรายการส่งเสริมการขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องมีสื่อในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงลูกค้า ณ สาขาได้อย่างตรงกลุ่มและรวดเร็ว ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทย จึงได้พัฒนาโครงการสมาร์ท มีเดีย (SMART Media) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศ


ขณะนี้ธนาคารได้ติดตั้งสมาร์ท มีเดียในสาขาของธนาคารไปแล้ว 300 สาขา ซึ่งพบว่า ช่วยสร้างโอกาสให้พนักงานสามารถขายผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของธนาคารและบริษัทในเครือให้แก่ลูกค้า ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นถึง 8-10% เมื่อเทียบกับสาขาที่ยังไม่มีการติดตั้งระบบ ดังนั้นธนาคารจึงมีโครงการจะขยายการติดตั้งสมาร์ทมีเดียภายในต้นปีหน้า ครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศ โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ธนาคารกสิกรไทย มีเครือข่ายสมาร์ท มีเดีย ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ระบบสื่อดิจิตอลเป็นการบริหารคอนเทนต์แบบรวมศูนย์ โดยคอนเทนต์ทั้งหมดจะได้รับการผลิตและควบคุมจากศูนย์กลาง ซึ่งเมื่อสร้างคอนเทนต์แล้วเสร็จก็จะสามารถกระจายคอนเทนต์ไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ตามสาขาต่างๆ ในเวลากลางคืนโดยไม่ต้องรบกวนแบนด์วิดธ์ในเวลาทำการ เวลาธนาคารเปิดทำการตอนเช้าก็สามารถนำคอนเทนต์ออกมาแสดงได้ทันที และช่วยให้ธนาคารลดปริมาณการพิมพ์โปสเตอร์ และแผ่นพับให้เหลือน้อยลง เพราะเคยมีการสำรวจแล้วพบว่าแผ่นพับ 100 ใบจะถึงมือลูกค้าจริงๆ ประมาณ 1 ใบเท่านั้น ดังนั้น การลงทุนดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องมากนัก ระบบสื่อดิจิตอลจึงเข้ามาช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ธนาคารก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แผ่นพับและโปสเตอร์อีกต่อไป พร้อมทั้งยังสามารถอัพเดทข้อมูลการให้บริการ บริการใหม่ๆ ได้ตลอดเวล

- ระบบบริการจัดการด้านการเงิน (Cash Management )





บริการ Cash Management นับว่าเป็นเครื่องมือบริหารทางการเงินที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงใจและครบวงจร ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารทางการเงินทั้งด้านระบบบัญชีเจ้าหนี้ (A/P)  ได้แก่ บริการออกเช็คอัตโนมัติ  ออกเช็คเร่งด่วนภายใน 2 ชม. บริการโอนเงินให้คู่ค้าข้ามธนาคาร ฯลฯ   รวมทั้งระบบบัญชีลูกหนี้ (A/R) เช่น การรับชำระค่าสินค้า/บริการ   การรับฝากเช็คเรียกเก็บโดยสามารถฝากเช็คที่ครบกำหนดและเช็คล่วงหน้า รวมถึงระบบการบริหารทางบัญชี (Liquidity Management)  ซึ่งจะช่วยให้ กฟผ. สามารถทราบกระแสเงินหมุนเวียนได้ตลอดเวลาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์


- ระบบอิเล็กทรอนิกส์


ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือการรับเอกสารการขนส่งทางทะเลแบบอิเล็คทรอนิคส์ (e-B/L Print) โดยผู้ส่งออกสินค้าสามารถพิมพ์ใบขนส่งสินค้า (Bill of Lading-BL) ประเภทต่างๆ ได้เองผ่านการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต ทำให้ประหยัดเวลาจากการรอคอยใบขนส่งสินค้า ซึ่งเดิมผู้ประกอบการส่งออกสินค้าที่มีสถานประกอบการอยู่บริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดได้จะรับเอกสารใบขนส่งสินค้าล่าช้าออกไป 1-2 วัน 
กลุ่มบริษัทลีโอ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย นำกลยุทธ์ด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสร้างสรรค์เป็นบริการที่ทันสมัย ซึ่งเชื่อมั่นว่าบริการรูปแบบใหม่นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการ ทำให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางในการดำเนินงานด้านเอกสารใบขนส่งสินค้า และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้ประกอบการอีกทางหนึ่ง


รูปแบบสารสนเทศที่นำไปใช้ ประโยชน์หรือคุณลักษณะ สาเหตุที่นำมาใช้ ผลที่ได้รับจากการใช้สารสนเทศ - ระบบ IRON

 IRON (IRPC Oil On Net)
ซึ่งเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมโยงเครือข่ายการทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ พีซี PC (Personal Computer) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา PDA (Personal Digital Assistant) เข้ามาพัฒนาระบบการซื้อ-ขาย เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ และเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดปิโตรเลียม
IRPC Oil On Net เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมกับบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น เพิ่มความรวดเร็วในการจัดเตรียมเอกสาร ลดความผิดพลาดของข้อมูลเพิ่มช่องทางและเวลาในการติดต่อสื่อสารได้ตลอด 24 ชั่วโมง และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ถึง 25 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถวางแผนการเตรียมรับสินค้าที่สั่งซื้อได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมกับสถานการณ์ และเลือกช่องทางการชำระเงินผ่านระบบ อิเลกทรอนิกส์จากบัญชีของลูกค้าเอง หรือขอสินเชื่อจากธนาคารผ่านระบบ ON LINE BANKING ผ่านระบบ e – Payment  หรือ e - Finance  ซึ่งการพัฒนาระบบดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ที่จะก้าวสู่การเป็น บริษัทปิโตรเคมีชั้นนำครบวงจรของเอเชียในปี 2557”
บริษัทฯได้เร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทฯจะสามารถพัฒนาระบบ IRON “IRPC Oil On Net” ให้ขยายฐานไปยังลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าของบริษัทฯ มากขึ้น

ข้อมูลองค์กร - โครงสร้างการบริหาร